ไม่มีใครรู้ได้แน่ชัดว่า สถานการณ์โควิดจะสิ้นสุดลงเมื่อไร แต่ที่รู้แน่ ๆ ก็คือการดำเนินชีวิตของเราทุกคนจะเปลี่ยนแปลงไป ทั้งคนทำงาน และคนทำธุรกิจ จะเกิด Fundamental Shift หรือการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่รากฐาน ที่เราต้องเตรียมตัว เตรียมใจ และวางแผนปรับตัวเพื่อให้อยู่รอด ซึ่งควรให้ความสำคัญทั้งในระยะสั้น และระยะยาว
แผนระยะสั้น
เราจะต้องเรียนรู้ในสิ่งที่โลก ธุรกิจ และสังคมต้องการ เมื่อโลกเข้าสู่ยุคสมัยของ Digital Economy เราก็จำเป็นต้องเรียนรู้ทักษะจำเป็นสำหรับโลกยุคดิจิตอล ศึกษากลไกและความเป็นไปว่าอะไรคือสิ่งสำคัญสำหรับยุคนี้ วิถีการทำงาน วิถีการธุรกิจ จะต้องอาศัยความรู้ด้านดิจิตอลเข้าไปรองรับ เพื่อให้สอดรับกับความเป็นไปของโลก
แผนระยะยาว
ต้องอาศัยความยืดหยุ่น หรือ Resilience อย่างมาก คือเราต้องไม่ยึดติดอยู่กับอะไรเดิม ๆ ที่แม้จะเคยได้ผล อย่างที่เห็นกันว่า โรงแรม ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า โรงงานอุตสาหกรรม ฯลฯ ทุกธุรกิจมีการนำเทคโนโลยีไร้สัมผัส หรือ Zero Touch Technology เข้ามาใช้ มีการเน้นบริการออนไลน์ และบริการเดลิเวอรี่มากขึ้น
หลาย ๆ ออฟฟิศปรับตัวสู่การทำงานแบบ Work From Home หรือบางออฟฟิศ ก็ปรับที่นั่งภายในให้เป็นแบบ Hot Seat ปรับเปลี่ยนหมุนเวียนสลับกันใช้งานให้ได้มากที่สุด เพื่อลดการใช้งานพื้นที่ ฯลฯ การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ต้องวางแผนระยะยาว ว่าจะปรับเปลี่ยนอย่างไรบ้าง อะไรควรเปลี่ยนก่อน เปลี่ยนหลัง เพื่อให้เกิดการปรับตัวที่เท่าทันกับยุคสมัยให้ได้มากที่สุด
อย่างไรก็ตาม แผนการปรับตัวไม่ว่าจะในระยะสั้นหรือยาว จะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยต้องอาศัยการประยุกต์ใช้ Adaptive Mind set คือเราต้องมี Mind Set ที่พร้อมจะปรับปรุง เปลี่ยนแปลงตัวเองไปตามสถานการณ์ของโลก เพราะตราบที่ใจเราไม่เปิดรับ ไม่ยอมเปลี่ยน ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเห็นทางออกของปัญหาที่เจอ
ซึ่ง “แรงใจ” ของเรานั้น คือสิ่งสำคัญที่สุด เราจึงต้องดูแลใจตัวเองให้ดี ให้เข็มแข็ง ให้ยังมีไฟอยู่เสมอ ในขณะเดียวกันสำหรับธุรกิจ ก็ต้องให้ความสำคัญกับการดูแลคนทำงานให้มาก เพราะถ้าคนทำงานมีใจ ก็จะมีแรงต่อสู้กับทุกปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ